FED ชะลอการขึ้นดอกเบี้ย แต่เดี่ยวมีอีก 2 รอบ

การประชุม FED ในเดือนมิถุนายน ได้มีมติระงับการขึ้นดอกเบี้ย FED หลังจากมีการปรับขึ้นติดต่อกันมา 10 ครั้ง  หลังจากอัตราเงินเฟ้อเริ่มไต่ขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 41 ปี ซึ่งสอดคล้องกับการให้สัมภาษณ์ของนายแพทริก ฮาร์เกอร์ ประธานเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย และนายฟิลิป เจฟเฟอร์สัน ว่าที่รองประธานเฟด โดยนายเจฟเฟอร์สัน (มีสิทธิโหวตในการปรับขึ้นดอกเบี้ย) รวมถึง CME FedWatch Tool ซึ่ง FED ได้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5.25% ขณะนี้นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสประมาณ 72% ที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนกรกฎาคม ตามเครื่องมือ CME Fedwatch

ประธานเฟดเจอโรมพาวเวลล์กล่าวในการแถลงข่าวหลังจากการตัดสินใจของธนาคารกลาง จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ จะใช้เวลาอีกหกสัปดาห์เพื่อดูผลกระทบของการเคลื่อนไหวนโยบาย โดยการประชุมระบุ FED นัดต่อไปวันที่ 25-26 ก.ค. โดยคาดการณ์ว่าดอกเบี้ยจะปรับตัวถึง 5.6% ภายในสิ้นปี 2566 นั่นหมายถึงการปรับขึ้นอีกสองครั้งจากการประชุมสี่ครั้งที่เหลือในปีนี้ คาดการณ์ว่าเฟดจะเคลื่อนไหวในเดือนกรกฎาคม และกันยายน (ปีนึงมีการประชุม 8 ครั้ง) ซึ่งนายพาวเวลล์กล่าวว่า FOMC ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่ในเดือนกรกฎาคม (อืม….. แบบนี้อันตราย น่าจะพิจารณาตัวเลข CPI, PCE, GDP)

ด้านเงินเฟ้อสมาชิกยังคาดการณ์สำหรับปีต่อๆ ไป โดยคาดการณ์ว่าอัตราเฟ้อจะอยู่ที่ 4.6% ในปี 2024 และ 3.4% ในปี 2025 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากการคาดการณ์ตามลำดับที่ 4.3% และ 3.1% ในเดือนมีนาคม เมื่อสรุปการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจได้รับการปรับปรุงครั้งล่าสุด ซึ่งการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มอัตราดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อสมาชิกเพิ่มความคาดหวังสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2566 โดยคาดการณ์ว่า GDP จะเพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับประมาณการ 0.4% ในเดือนมีนาคม เจ้าหน้าที่ยังมองโลกในแง่ดีมากขึ้นเกี่ยวกับการว่างงานในปีนี้ โดยขณะนี้เห็นว่าอัตราว่างงานอยู่ที่ 4.1% เมื่อสิ้นปี เทียบกับ 4.5% ในการคาดการณ์ของเดือนมีนาคม

มุมมองนักเศรษฐศาสตร์

Michael Wilkerson ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Stormwall Advisors และผู้เขียนหนังสือ Why America Matters: The Case for a New Exceptionalism ซึ่งอ้างว่าดัชนีราคาผู้บริโภคของสำนักสถิติแรงงานไม่ใช่ การอ่านค่าเงินเฟ้อที่ “แม่นยำ” อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้น 2-3 เท่าของข้อมูล CPI ที่แสดงในหมวดหมู่หลักเหล่านั้น ในหมวดอาหาร ไฟฟ้า การศึกษาระดับอุดมศึกษา การดูแลทางการแพทย์” เขากล่าวกับ Michelle Makori ผู้ประกาศข่าวหลักและหัวหน้าบรรณาธิการของ Kitco News .

ซึ่งถ้าเรามองจากข้อมูลจะเห็นว่าสิ่งที่ลด คือ พลังงาน เป็นการลดของเงินเฟ้อที่มีนัยยะแฝงอยู่ว่าเงินเฟ้อที่ลดนั้น เป็นข้อมูลที่ไม่ถูต้อง ซึ่งเชื่อเถอะ FED มองออก แต่การชะลอดอกเบี้ยครั้งนี้ เพื่อเป็นการรักษาตลาดหุ้น และเพดานหนี้ อย่าลืมนะครับ ว่าการขึ้นดอกเบี้ย มีผลทั้งเงินกู้ เงินฝาก และพันธบัตรรัฐบาล

Tim Waterer หัวหน้านักวิเคราะห์ตลาดของ KCM Trade กล่าวว่า “ทองคำจะไปทิศทางไหน ขึ้นกับประธานเฟดยังคงสนับสนุนอัตราผลตอบแทนของสหรัฐฯ ต่อไปนานแค่ไหน”