หลังการประกาศตัวเลข CPI และ PPI ทองคำปิดบวก 32$ แต่เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น ???

ในวันพฤหัสที่ 11 ม.ค. 67 หลังประกาศจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาด ดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index: CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค เพิ่มขึ้น 3.4% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 3.2% ทำให้นักลงทุนกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (FED) อาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานขึ้นจากที่เคยคาดการณ์ว่าจะปรับลดในเดือนมีนาคม 2567 หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (FED) คงอัตราดอกเบี้ย 5.50% ในการประชุม 4 ครั้งที่ผ่านมา ซึ่งการที่ ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะลดเบี้ยเป็นการคาดการณ์ของตลาด เราจะรู้จริงๆ คือการประชุม Federal Funds Rate ในเช้าวันที่ 1 ก.พ. 67 เวลา 02:00 น. ตามเวลาของประเทศไทย หลังจากการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐที่เพิ่มขึ้น 3.4% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ทำให้ราคามองคำปรับตัวลงมาทดสอบแนวรับที่สำคัญบริเวณ 2013.806 ของกรอบเวลา 4 ชั้วโมง (TF H4)

ขณะเดียวกันช่วงเวลา 01:00 น. ของวันที่ 12 ม.ค. 67 สหรัฐฯ และอังกฤษทำการโจมตีทางอากาศทั่วเยเมนเพื่อตอบโต้กองกำลังฮูตีสำหรับการโจมตีการขนส่งในทะเลแดงที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน เพื่อตอบโต้สงครามในฉนวนกาซา อิหร่านประณามการโจมตีดังกล่าว พร้อมเตือนว่าจะกระตุ้นให้เกิด “ความไม่มั่นคงในภูมิภาค” (ที่มา: CNBC) และหลังการประกาศของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (Producer Price Index: PPI) ปรับตัวลดลง – 0.1% ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.1% ดัชนีราคาผู้ผลิตของสหรัฐฯ ลดลงอย่างไม่คาดคิดในเดือนธันวาคม ท่ามกลางต้นทุนสินค้าที่ลดลง เช่น น้ำมันดีเซล และอาหาร ซึ่งบ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงลดลงต่อไป ด้าน CME Fedwatch Tool ผู้ค้ามองเห็นความน่าจะเป็น 80% ของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคม กับโอกาสประมาณ 70% ที่เห็นก่อนรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ส่งผลให้ราคาทองคำปรับลดระดับสูงสุดในรอบหนึ่งสัปดาห์ในวันศุกร์ โดยกลับไปทดสอบแนวต้านที่สำคัญบริเวณ 2063.397 – 2065.762 โดยทำราคาสูงสุดอยู่ที่ 2062.315 ก่อนจะปิดตลาดที่ราคา 2049.075 เนื่องจากความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่เพิ่มสูงขึ้นกระตุ้นให้เกิดการซื้อที่ปลอดภัย ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อราคาผู้ผลิตในสหรัฐฯ ที่อ่อนตัวลง กระตุ้นให้เกิดการเดิมพันว่าธนาคารกลางสหรัฐอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น

มุมมองหมี

แต่ๆ !!!! อย่างไรก็ตาม ข้อมูลในวันพฤหัสบดีแสดงให้เห็นว่าราคาผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนธันวาคม ส่วนตัวมองว่าส่วนนึงมาจาก panic buy ของตลาดจากความตรึงเครียดในตะวันออกกลาง ให้จับตาการทำลายโครงสร้างขาขึ้นในกรอบเวลา 4 ชั้วโมง (TF H4) โดยในเดือนนี้ยังเหลือตัวเลขเศรษฐกิจที่ ธนาคารกลางสหรัฐ (FED)จะใช้กำหนดนโยบายการเงินอีก 2 ตัว คือ Gross Domestic Product: GDP ในวันพฤหัสบดีที่ 25 ม.ค. 67 และ ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล (Personal Consumption Expenditure: PCE) ในวันศุกร์ที่ 26 ม.ค. 67