ตอนนี้นักลงทุนทั้งตลาดเฝ้าจับตามองนโยบายการขึ้นดอกเบี้ยของ FED แต่เราต้องไม่ลืมนะครับว่าสัปดาห์นี้มีการประกาศนโยบายดอกเบี้ยของ 4 ธนาคารใหญ่ ทั้ง ECB, BOJ และ BOE สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงงานนักวิเคราะห์ระบุถึงประเด็นสำคัญในการประชุมกำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ในวันพฤหัสบดีที่ 15 มิ.ย.นี้ โดยประเด็นแรกคือประเด็นที่ว่า อีซีบีจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากเพียงใด ในขณะที่นักลงทุนมั่นใจว่า อีซีบีจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% สู่ 3.50% ในขณะที่ถ้า FED ไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ที่ 5.25% ซึ่งต้องจับตาดูว่าคริสติน ลาการ์ด ประธานอีซีบีจะส่งสัญญาณอย่างไรบ้างเกี่ยวกับแนวโน้มนโยบายของอีซีบีในอนาคต จะแสดงความพึงพอใจอย่างไรบ้างต่อการชะลอตัวลงของอัตราเงินเฟ้อในระยะนี้ หลังจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในประเทศสมาชิกยูโรโซน 20 ประเทศชะลอตัวลงจาก 7.0% ในเดือนเม.ย. สู่ 6.1% ในเดือนพ.ค. และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาอาหารและเชื้อเพลิงของยูโรโซนชะลอตัวลงจาก 5.6% ในเดือนเม.ย. สู่ 5.3% ในเดือนพ.ค. แต่ระดับดังกล่าวยังคงถือว่าอยู่ใกล้กับสถิติสูงสุด ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะทำให้อีซีบีจะหยุดพักจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้หรือไม่ และถ้า FED ชะลอการขึ้นดอกเบี้ย อีซีบีจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปหรือไม่
ด้าน BOE นายโจนาธาน ฮาสเคิล กรรมการคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) กล่าวว่า บีโออีอาจจำเป็นต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าหนึ่งครั้งจากระดับปัจจุบันที่ 4.5% เพื่อทำให้เงินเฟ้อควบคุมให้ได้ นักเศรษฐศาสตร์ในผลสำรวจของรอยเตอร์คาดว่า บีโออีจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 4.75% ในสัปดาห์หน้า และตลาดการเงินคาดว่า อัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ 5.5% ภายในปลายปีนี้ ขณะที่บีโออีพยายามที่จะจัดการกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงสุดของประเทศชั้นนำ
ซึ่งบทบาทของ BOE และ ECB มีผลต่อการแข็งค่าของดัชนีย์ดอลลาร์