การหาแนวรับ (Support) และ แนวต้าน (Resistance)

พี่หมีเชื่อว่าหลายๆคนคงเคยได้ยินสองคำว่าแนวรับ และแนวต้านมาก่อน หรือน้องๆ ที่เพิ่งเริ่มอาจจะสงสัยว่ามันคืออะไรและมีความสำคัญอย่างไร สำหรับพี่หมีพี่ให้สำคัญมากกกกกกกก ถึงมากที่สุด เพราะมันจะทำให้รู้ว่าอารมณ์ของกราฟจะไปทิศทางไหน ช่วงให้เราตัดสินใจได้ว่าจะเข้า Order ในส่วนของ Buy หรือ Sell วันนี้พี่หมีจะมาทำความเข้าใจ และตีเส้นแนวรับและแนวต้านแบบหมีๆ ว่าทำยังไง🤗

1.แนวรับ คือ แนวที่กราฟลงมาทำ Low ในอดีตของแต่ละ Time Farm และแนวรับที่แข็งแรงจะมีหน้าที่ ในการรับกราฟไม่ให้ลงต่ำกว่าเส้นแนวรับ หลายครั้งที่แนวรับแข็งแรงเมื่อกราฟลงมาถึงจะทำการกลับตัว (เปลี่ยนจาก Sell เป็น Buy) หรือทำการ Side way แต่ถ้าแนวรับไม่สามารถรับกราฟอยู่ เมื่อกราฟทะลุลงไปเส้นแนวรับก็จะกลายเป็นเส้นแนวต้านทันที

2.แนวต้าน ก็ตรงกันข้ามกับแนวรับเลยครับ ก็คือ แนวที่กราฟขึ้นมาทำ Hing ในอดีตของแต่ละ Tram Farm และแนวต้านที่แข็งแรงจะมีหน้าที่ ในการต้านกราฟไม่ให้ขึ้นเหนือเส้นแนวต้าน หลายครั้งที่แนวต้านแข็งแรงเมื่อกราฟขึ้นมาถึงจะทำการกลับตัว (เปลี่ยนจาก Buy เป็น Sell) หรือทำการ Side way แต่ถ้าแนวต้านไม่สามารถต้านกราฟอยู่ เมื่อกราฟทะลุขึ้นไปเส้นแนวต้านก็จะกลายเป็นเส้นแนวรับทันที

3.การตีเส้นแนวรับแนวต้าน เราจะมองกราฟเป็น Zone และตีเส้นออกมาเป็นแนว เวลาพี่หมีตีแนวรับแนวต้านจะตีจาก 4 Time Frame คือ Week, Day, H4 และH1 โดยเส้นแนวรับ แนวต้านแต่ละเส้นควรจะผ่านใส่แท่งเทียนอย่างน้อย 3 แท่ง (ยกเว้นถ้าเป็น New Hing หรือ New Low สามารถใช้ 2 เส้นได้ครับ) แนวที่อยู่เหนือเส้นราคาคือแนวต้าน แนวที่อยู่ใต้เส้นราคาคือแนวรับ

4.การใช้งาน เราจะใช้ในการเปิด Order Buy หรือ Sell ที่เกิด Price Action และยังสามารถใช้เป็นจุด Take Profit : TP (ปิดกำไร) และจุด Stop Loss : SL (ปิดขาดทุน)